บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง หรือ TEKA ปิดไตรมาส 2/2566 ได้สวย โชว์กำไรสุทธิ 20.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.18% จากไตรมาส 1/2566 กวาดรายได้จากการก่อสร้าง 461.05 ล้านบาท โต 19.9% “ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์” ซีอีโอ มั่นใจผลงานดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/2566 ที่เปิดประเดิมรับงานใหญ่จากแสนสิริมูลค่า 1,098 ล้านบาท หนุน Backlog พุ่งแตะ 3,785.06 ล้านบาท
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566) ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 20.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 16.23 ล้านบาท และมีรายได้จากการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 461.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566
โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 58.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.35% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นเทียบกับรายได้จากการก่อสร้าง 12.78% โดยโครงสร้างรายได้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2566 และไตรมาส 2/2565
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 และจะดีต่อเนื่องจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยบริษัทฯ จะเข้าประมูลงานใหม่เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีขึ้นในอนาคต รวมทั้งทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างที่ถืออยู่ในมือ
ล่าสุดในเดือนกรกฏาคม 2566 บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ให้รับงานก่อสร้างใหม่ต่อเนื่องเป็นงานที่ 3 ในชื่อโครงการราชเทวี (RWT) มูลค่า 1,098 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมความสูง 32 ชั้น และชั้นใต้ดิน 4 ชั้น ระยะเวลาก่อสร้าง 37 เดือน มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มี Backlog รวมทั้งสิ้น 3,785.06 ล้านบาท
“TEKA ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท แสนสิริ ด้วยดีมาโดยตลอด ได้รับงานใหญ่ๆ ในปีนี้โครงการล่าสุดคือโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมราชเทวี มูลค่า 1,098 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอื่นๆ ที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติม และมั่นใจว่าจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ TEKA จะทำให้เราได้รับงานใหม่ๆ อย่างแน่นอน” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2566 บริษัทฯ คาดการณ์รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ในช่วง 2,000- 2,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตจากปีก่อน 13% ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการก่อสร้างรวม 1,933.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 338.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.2% มีกำไรขั้นต้น 277.88 ล้านบาท และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นเทียบกับรายได้จากการก่อสร้างคิดเป็น 14.38%
อย่างไรก็ตาม TEKA มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างมายาวนานร่วม 39 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญในงานอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ มีกลุ่มลูกค้าทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน มีความพร้อมในการขยายโอกาสการรับงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น อาคารคอนโดมิเนียม, โรงแรม, อาคารสำนักงาน, อาคารโรงพยาบาล และอาคารคลังสินค้า ซึ่งจากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สดใสในปีนี้ ส่งผลดีต่อ TEKA ที่จะมีโอกาสรับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น และได้เร่งรัดงานก่อสร้างต่างๆ ที่มีอยู่ในมือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อเพิ่มผลการดำเนินงาน ทั้งด้านรายได้ และอัตรากำไรให้ดีขึ้นจากปีก่อน