“บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง หรือ TEKA” หุ้นรับเหมาสุดแกร่ง! ส่งซิกแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 ส่อแววรายได้ฟื้นตัว รับรู้การเปิดงานโครงการใหม่ 3 โครงการ หนุนผลงานทั้งปีโตตามแผน พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 10-15% ประเมินปีหน้า อุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้น เม็ดเงินรัฐและเอกชนเดินหน้าลงทุน TEKA ตั้งธงรายได้เติบโต 5-10% จากปีก่อน ด้านผู้บริหารแย้มแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่ต่อเนื่องราว 10 โครงการ คาดหวังได้งานอีกราว 2-3 โครงการในปีหน้า โดยโครงการแรกจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาสแรกปีหน้า
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2567 คาดจะฟื้นตัวโดดเด่นจากไตรมาส 3 เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโครงการใหม่ที่บริษัทได้รับมาในปีนี้ อาทิเช่น โครงการ Standard Huahin ,VIA 61 และ PANORA เป็นต้น ส่งผลให้รายได้รวมทั้งปีของบริษัทเติบโตได้ตามแผนธุรกิจที่วางไว้
คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ประมาณ 2,100 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 10-15% และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 5%
ด้าน ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการก่อสร้างจำนวน 1,456.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.95% จากงวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 1,428.33 ล้านบาท
คิดเป็น 7.18% ต่อรายได้รวม มีกำไรสุทธิ 107.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.18% เทียบกับงวดเดียวกันของ
ปีก่อน มีกำไรสุทธิ 62.98 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 210.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.97% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 178.79 ล้านบาท เนื่องจากมีการวางแผนบริหารปรับลดต้นทุนตามนโยบายของบริษัทฯ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 (30 กันยายน 2567) บริษัทมี Backlog แข็งแกร่ง อยู่ที่ 3,243 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงปี 2567-2568 โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้อีกประมาณ 600 ล้านบาท และส่วนที่เหลือในปีถัดไป และยังมีการมุ่งหวังที่จะเพิ่มงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดหวังได้รับงานใหม่เข้ามามูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทในแต่ละปี หรือคิดเป็นจำนวนโครงการประมาณ 2-3 โครงการใหม่ต่อปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ปี 2567 และปี 2568 เติบโตตามแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาฯ และงานก่อสร้าง แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจ แต่ TEKA ยังคงความสามารถในการรับงาน และส่งมอบงานได้ตามแผน ควบคู่ยังรักษาความสามารถในการทำกำไร โดยงวด 9 เดือนแรกปีนี้ รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 70% ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งราว 500 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้สินและดอกเบี้ยเงินกู้ นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอให้กับผู้ถือหุ้น
พร้อมประเมินในปี 2568 บริษัทคาดว่าภาพรวมธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-10% จากปีก่อน และมีแผนเข้าประมูลงานใหม่ๆ ราว 10 โครงการ คาดหวังว่าจะได้งานโครงการใหม่ๆ อีก 2-3 โครงการ โดยโครงการแรกจะเห็นความชัดเจนในไตรมาสแรกของปีหน้า