บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง TEKA โชว์งบ 9 เดือนแรกปี 65 รายได้ก่อสร้างเติบโต 41% แตะ 1,500.91 ลบ. กำไรสุทธิ 74.54 ลบ. ด้าน “วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศคว้างานใหม่ “Building E ของ EnCo Terminal (Enter) จากเครือปตท.” มูลค่ากว่า 148.89 ลบ. หนุน Backlog อยู่ที่กว่า 2,500 ลบ.พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านฐานเงิน ชูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จาก 0.99 เท่า ลดลงเป็น 0.97 เท่า หวังเติบโตอย่างยั่งยืน
นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จํากัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานงวดประจำ 9 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.65) มีรายได้จากการก่อสร้างอยู่ที่ 1,500.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 436.95 ล้านบาท หรือเติบโต 41.07% กำไรสุทธิ 74.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.33 ล้านบาท หรือเติบโต 1.82% เนื่องจากความสำเร็จในการทยอยส่งมอบงานในมือ รับภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในปีนี้ที่ฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย และการลงทุนของภาคเอกชน สนับสนุนบริษัทได้รับงานใหม่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 (ก.ค.-ก.ย. 2565) บริษัทฯ มีรายได้จากการก่อสร้าง 386.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 108.55 ล้านบาท หรือเติบโต 39.10% สาเหตุการเพิ่มขึ้นของรายได้ มาจากโครงการที่ชะลอการก่อสร้างเมื่อปีที่แล้วเริ่มกลับมาดำเนินการในปีนี้ ประกอบกับ มีการเร่งรัดงานก่อสร้างในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยในไตรมาส 3/2565 นี้ บริษัทฯ มีโครงสร้างรายได้ทั้งหมดมาจากงานภาคเอกชน และมีกําไรขั้นต้น 23.68 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 2.44 ล้านบาท มีต้นทุนทางการเงินลดลง 0.88 ล้านบาท โดยยังมีกําไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรคงเหลือ 117.35 ล้านบาท และมีมูลค่าหุ้นทางบัญชี 2.35 บาทต่อหุ้น ซึ่งด้านทางการเงินบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จาก 0.99 เท่า ลดลง เป็น 0.97 เท่า
“เราคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 รายได้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากงานใหม่ๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ต้นทุนคาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จากในไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา มีการตั้งประมาณการต้นทุนที่สูงขึ้นจากผลกระทบที่ราคาน้ำมันและวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างหลักปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลต่ออัตรากำไรที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ทิศทางต้นทุนหลักมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่น ค่าแรง ค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนโดยรวม และดูแลเรื่องปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงานอย่างรอบคอบ”นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้รับงานก่อสร้างใหม่จากบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (นิติบุคคลในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) โดยเป็นโครงการ อาคารจอดรถ Building E ของ EnCo Terminal (Enter) มีความสูง 10 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 148.89 ล้านบาท ซึ่งลักษณะงานก่อสร้าง เป็นงานวิศวกรรมโครงสร้างรวมงานเสาเข็มพร้อมงานสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมระบบประกอบอาคาร ระยะเวลา 300 วัน โดยจะเริ่มต้นก่อสร้างปลายเดือนพฤศจิกายน 2565
ขณะที่ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ประกาศได้รับงานก่อสร้างโครงการ “นิว เมกา พลัส บางนา” คอนโด High Rise โครงการใหม่สูง 38 ชั้น มูลค่า 955 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างพฤศจิกายน 2565 ส่งสัญญาณในช่วงโค้งสุดท้ายของปีคึกคัก และสนับสนุนปัจจุบัน TEKA มีงานในมือ (Backlog) แข็งแกร่งกว่า 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังจากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ช่วยเสริมศักยภาพในการขยายกิจการของบริษัทฯ รวมถึงเป็นการขยายโอกาสในการประกอบธุรกิจให้มีขอบเขตที่กว้างมากยิ่งขึ้นจากการที่บริษัทฯ มีเงินทุนที่มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างการรับเหมาก่อสร้างของบริษัทฯ จะครอบคลุมงานตั้งแต่ 1. งานโครงสร้าง (Structure) เช่น เสาเข็ม คาน และพื้นคอนกรีต เป็นต้น 2. งานสถาปัตยกรรม (Architecture) เช่น การก่อผนัง วัสดุตกแต่งผนัง อลูมิเนียม งานกระเบื้อง และวัสดุปิดพื้นผิวทั้งภายในและภายนอก เป็นต้น และ 3. งานระบบประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) เช่น ระบบสุขาภิบาล ระบบไฟฟ้า ระบบแอร์ และระบบดับเพลิง เป็นต้น